Ionized Radiofrequency  Technology หรือ IRF ถูกพัฒนาต่อยอดมาจาก RF( Radiofrequency technology ) โดยการเปลี่ยนพลังงานคลื่นวิทยุเป็นประจุ ion ส่งผลให้ IRF มีความสามารถสูงกว่า RF ธรรมดา โดย RF ธรรมดาได้ผลดีเพียงการยกกระชับ ( Lifting ) เท่านั้น ส่วนคุณสมบัติอื่นได้ผลน้อย ไม่สามารถเทียบเคียงกับเครื่องมือแพทย์ชนิดอื่น เช่น IPL หรือ LASER ได้ ส่วน IRF นอกจากจะมีประสิทธิภาพในการ Lifting เท่ากับ RF และเปลี่ยนรูปหน้าได้เหนือกว่า RF แล้ว ยังสามารถรักษาภาวะบางอย่างของผิวหนังคล้าย IPL และ LASER ด้วย เช่น ฝ้า กระ รูขุมขนใหญ่ หลุมสิว และริ้วรอย อย่างไรก็ตาม IRF ไม่สามารถรักษาบางภาวะได้เหมือน IPL และ LASER เช่น การกำจัดขน ลบรอยสัก ลบปาน เป็นต้น

เมื่อเทียบผลข้างเคียง Laser จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ที่มีผลข้างเคียงสูงที่สุด บางชนิดทำให้เกิดการบวมทันทีหลังการรักษา ต่อมาอาจเกิดสะเก็ดแผล ทำให้บางรายต้องหยุดงานไปหลายวัน หลังจากสะเก็ดหลุดแล้วอาจมีรอยดำหรือด่างขาวต่ออีกหลายเดือน IPL มีผลข้างเคียงน้อยกว่า คือการไหม้พองหลังทำ ส่วน IRF มีความปลอดภัยสูงที่สุด ผลข้างเคียงอาจมีเพียงหน้าแห้งไป 2 – 3 วันถึง 2 – 3 สัปดาห์ หลังการรักษาด้วย IRF สามารถกลับไปทำงานหรือกิจกรรมอื่นๆต่อได้ทันที เนื่องจากไม่มีแผลและการตกสะเก็ด

เมื่อเทียบกับเครื่องมือแพทย์ชนิดอื่น การรักษาด้วย IRF ในระยะแรกอาจดูเหมือนได้ผลช้ากว่าหรือน้อยกว่าบ้าง แต่เนื่องจากเป็นวิธีการรักษาที่ประหยัดค่าใช้จ่ายและปลอดภัยมากจนสามารถทำซ้ำได้ไม่จำกัดจำนวนครั้ง ทำให้เมื่อเทียบกันในระยะยาวแล้วอาจกล่าวได้ว่าการรักษาด้วย IRF ไม่แตกต่างกันมากนักกับการรักษาด้วยเครื่องมือแพทย์อื่นๆที่มีผลข้างเคียงและเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่ามาก

ตารางแสดงการเปรียบเทียบประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหา 5 ประการบนใบหน้าและคอระหว่าง IRF , RF , IPL และ LASER 3 รุ่น

**เนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเปรียบเทียบอย่างเป็นทางการจากสถาบันที่เป็นกลาง ข้อมูลนี้ จึงเป็นเพียงความเห็นส่วนตัว ผู้อ่านและแพทย์ผู้เชี่ยวชาญการใช้เครื่องมืออื่นๆอาจไม่เห็นด้วยกับการเปรียบเทียบนี้

บทความโดย นพ. พัฒนพงษ์ อธิกวินธร  

ให้คำปรึกษาและกรุณาเรื่องภาพโดย อาจารย์ นพ. ชาญชัย ฉัตรศิริมงคล , คุณ พีรวัฒน์ สิทธิการิยกุล  Photobiocare .

นำข้อมูลอ้างอิงมาจาก

http://irfthai.wordpress.com/irf/differentiation/

ต้องขอขอบคุณมากคะ